Page 166 - Ebook
P. 166
1. การสูบบุหรี่
ี
ี
ี
ี
การสูบบุหร่เปนปจจัยเส่ยงท่สำคัญท่สุดตอการเปนมะเร็งชองปาก พบคาสัมพันธ (OR, RR) สูง รูปแบบ
ี
ของยาสูบที่ใชมีความแตกตางกัน เชน ใน ยุโรป อเมริกา ออสเตรเลีย ญ่ปุน นิยมสูบบุหรี่ ซิการ ไปป
9,10
ิ
ี
ี
ในรูปแบบการบริโภคท่มีควัน สวนการบริโภคท่ไมมีควัน ไดแก ยาสูบท่ใชเคี้ยว อมใตล้น หรือสูดดมคลาย
ี
ี
ึ
ยานัตถุ ผลิตภัณฑยาสูบทั้งท่มีควันและไรควัน มีสารกอมะเร็งท่สำคัญไดแก N-nitrosamines ซ่งสามารถ
ี
ทำลายดีเอ็นเอในเซลลและนำไปสูการเกิดโรคมะเร็งได ในระยะหลังพบการใชยาสูบชนิดไรควันมากขึ้นในกลุมวัยรุน
ซึ่งวางขายในตลาดมากขึ้น
ี
ี
ี
ี
ผูท่สูบบุหร่มีโอกาสเปนมะเร็งมากกวาผูท่ไมสูบบุหร่ถึง 15 เทา จากสถิติพบผูปวยโรคมะเร็งชองปากรอยละ
ี
ี
ื
ื
90 เปนผูที่สูบบุหร่ เพราะควันบุหร่จะทำใหเกิดการระคายเคืองโดยเน้อเย่อที่มักมีผลกระทบจากความรอน เชน
บริเวณกระพุงแกม เพดาน และลำคอ เม่อถูกระคายเคืองเปนประจำ ทำใหเน้อเย่อเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
ื
ื
ื
และอาจกลายเปนเซลลมะเร็งได โดยความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้นตามจำนวนบุหรี่ที่สูบตอวันและจำนวนปที่สูบ
2. การดื่มแอลกอฮอล
ี
ิ
จากการศึกษาทางระบาดวิทยา พบวา สุราเพ่มความเส่ยงตอการเปนมะเร็งชองปากและมักจะพบ
10
ไปพรอมกันกับการสูบบุหรี่ จากการศึกษา พบวา ผูที่ดื่มสุรามากมีโอกาสเสี่ยงตอการเปนมะเร็งชองปากมาก
ตามไปดวยอัตราเส่ยงจะเพ่มข้นในผูชาย 35% และ 9% ในผูหญิง สำหรับการด่มท่เพ่มข้นทุกๆ 1.5 หนวยตอวัน 11
ึ
ื
ี
ิ
ี
ึ
ิ
3. การเคี้ยวหมาก
หมากเปนเมล็ดของตนหมากชนิดหน่งซ่งทำใหเกิดการเสพติดออนๆ และใชกันอยางแพรหลายใน
ึ
ึ
ี
ื
หลายพ้นท่ของเอเชียตะวันออกเฉียงใตรวมถึงคนอินเดีย ศรีลังกาและในประเทศไทย หมากมีฤทธิ์กระตุน
รางกายคลายกับกาแฟ เมล็ดหมากยังมีฤทธ์เปนสารกอมะเร็งที่สำคัญไดแก N-nitrosamines ซ่งสามารถ
ึ
ิ
ึ
เพ่มความเส่ยงตอการเปนมะเร็งชองปากได ความเสี่ยงน้จะย่งมากข้นหากทำการเค้ยวหมากรวมกับยาสูบ
12
ี
ิ
ี
ี
ิ
ื
ี
เน่องจากการเค้ยวหมากเปนวัฒนธรรมของบางประเทศ อัตราการเปนมะเร็งในชองปากจึงสูงในบางกลุม
ประชากร เชน เชื้อสายอินเดียและศรีลังกามากกวาประชากรทั่วไป
4. การติดเชื้อ HPV (human papillomavirus)
ึ
ื
ี
HPV เปนช่อของกลุมไวรัสหน่งท่สงผลตอผิวหนังและเย่อบุผิวหลายตำแหนงท่อยูในรางกาย เชน
ี
ื
ื
ื
ื
ื
เย่อบุในชองปาก เย่อบุปากมดลูก เย่อบุทวารหนักและเย่อบุลำคอ สามารถติดเช้อไวรัสดังกลาวผานการสัมผัส
ื
162 163